Health Projectการดูแลสุขภาพ

ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) คืออะไร อันตรายอย่างไร

ไขมันในช่องท้องคืออะไร? ทำความรู้จักไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) สาเหตุ, อันตรายต่อสุขภาพ และวิธีลดที่ถูกต้องเพื่อห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ไขมันในช่องท้อง Visceral Fat คืออะไร อันตรายอย่างไร

ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพของเรา

ในยุคที่รูปร่างเป็นที่ให้ความสำคัญ หลายคนเชื่อว่าการมีน้ำหนักน้อยหรือดูผอมเพรียวนั้นหมายถึงการมีสุขภาพดี แต่ความจริงที่น่าตกใจคือ รูปร่างที่ดูผอมอาจกำลังซ่อน “กับดักสุขภาพ” ที่เรียกว่า TOFI (Thin Outside, Fat Inside) หรือภาวะ “ผอมแต่มีพุง” ซึ่งเป็นภาวะที่คนผอมมีปริมาณไขมันในร่างกายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นไขมันที่เกาะอยู่ตามอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต และลำไส้ ภาวะนี้ไม่ได้ส่งผลแค่รูปลักษณ์ที่ไม่น่ามอง แต่ยังเป็นภัยเงียบที่นำไปสู่โรคอันตรายถึงชีวิต


ไขมันในช่องท้องอันตรายแค่ไหน?

หลายคนอาจคิดว่าไขมันส่วนเกินที่มองเห็นภายนอกเป็นเรื่องน่ากังวลที่สุด แต่ไขมันในช่องท้องนั้นอันตรายกว่ามาก เพราะไม่ใช่แค่ไขมันสะสมธรรมดา แต่ยังทำหน้าที่เป็น “อวัยวะที่ยังมีชีวิต” ซึ่งผลิตสารอักเสบและฮอร์โมนที่ไม่พึงประสงค์ออกมาอย่างต่อเนื่อง สารเหล่านี้จะเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลเสียต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ ทั่วร่างกาย นำไปสู่ความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่น่ากลัวดังต่อไปนี้:

โรคสมองเสื่อม: งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าไขมันในช่องท้องมีความเชื่อมโยงกับการทำงานของสมองที่ลดลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อม (Dementia) ในอนาคต เนื่องจากสารอักเสบที่ผลิตจากไขมันเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อเซลล์สมองได้

โรคเบาหวานชนิดที่ 2: ไขมันในช่องท้องเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายเกิด ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่โรคเบาหวานในที่สุด

โรคหัวใจและหลอดเลือด: ภาวะ TOFI ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น ขณะที่คอเลสเตอรอลดี (HDL) กลับลดลง สภาวะนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

ภาวะไขมันพอกตับ: ไขมันในช่องท้องสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อตับ ทำให้ตับทำงานผิดปกติและเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจนำไปสู่ตับอักเสบและตับแข็งได้ในระยะยาว


TOFI คืออะไร? ทำไมคนผอมถึงมีไขมันซ่อนอยู่?

TOFI (Thin Outside, Fat Inside) เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีรูปร่างภายนอกดูผอมเพรียวหรือมีน้ำหนักตัวตามเกณฑ์ แต่กลับมีปริมาณไขมันในร่างกายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นไขมันที่เกาะอยู่ตามอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต และลำไส้ ทำให้คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะมีสุขภาพดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว กำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านสุขภาพไม่ต่างจากคนอ้วน

ความเข้าใจผิดที่ใหญ่ที่สุดคือการตัดสินสุขภาพจาก ดัชนีมวลกาย (BMI) เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูงเท่านั้น แต่ไม่ได้สะท้อนถึงองค์ประกอบภายในร่างกาย (Body Composition) ซึ่งประกอบด้วยมวลกล้ามเนื้อและมวลไขมัน ทำให้คนที่เป็น TOFI (Thin Outside, Fat Inside) ที่มี BMI ปกติ อาจไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ภายใน

สาเหตุที่ทำให้คนผอมสามารถมีภาวะไขมันในช่องท้อง

สาเหตุที่ทำให้คนผอมสามารถมีภาวะ TOFI (Thin Outside, Fat Inside) ที่ทำให้เกิดไขมันในช่องท้องได้นั้นเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น:

  • พฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม: การบริโภคอาหารแปรรูป น้ำตาลสูง และไขมันทรานส์มากเกินไป แม้ว่าจะกินในปริมาณที่ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ก็ทำให้ร่างกายสะสมไขมันในช่องท้องได้ง่าย
  • การขาดการออกกำลังกาย: คนผอมหลายคนมักคิดว่าไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย แต่การขาดกิจกรรมทางกายจะทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง และร่างกายจะเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินไปเป็นไขมันสะสมแทน
  • ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ: เมื่อร่างกายมีความเครียดสูง จะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: ยีนบางชนิดอาจส่งผลให้ร่างกายมีการกระจายไขมันในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้บางคนมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันในช่องท้องได้ง่ายกว่าคนอื่น

ภาวะไขมันในช่องท้อง TOFI (Thin Outside, Fat Inside) เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าสุขภาพที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่รูปร่างที่ดูผอมเพรียวหรือตัวเลขบนตาชั่ง แต่สิ่งสำคัญคือ องค์ประกอบภายในร่างกาย การมีไขมันในช่องท้องสูงเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการพักผ่อน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดไขมันในช่องท้องและสร้างสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอกอย่างยั่งยืน


บทความของ โครงการการศึกษาความรอบรู้เฉพาะเรื่อง เกี่ยวกับสุขภาพ, กายภาพบำบัดและการนวดช่วยดูแลสุขภาพ บรรเทาอาการผ่านการเรียนรู้กายวิภาคจากสื่อออนไลน์


*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
  • Harvard Health Publishing: บทความวิชาการที่อธิบายความอันตรายของไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
  • National Institutes of Health (NIH): งานวิจัยเกี่ยวกับภาวะดื้อต่ออินซูลินและความเชื่อมโยงกับโรคเบาหวาน
  • American Heart Association: ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของไขมันในช่องท้องต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • World Health Organization (WHO): ข้อมูลเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และแนวทางการจัดการสุขภาพ
  • เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://unsplash.com/)

Shares: