ข้อดีของการทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy) มีมากมาย แต่มีข้อห้ามก่อนทำกายภาพบำบัดที่คุณต้องรู้
ศาสตร์แห่งกายภาพบำบัด เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยไขประตูสู่การฟื้นฟูร่างกาย คืนความคล่องแคล่ว และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยความรู้ทางกายวิภาคศาสตร์ ประสบการณ์ และเทคนิคที่หลากหลาย นักกายภาพบำบัดพร้อมเป็นผู้ช่วยให้คุณก้าวข้ามผ่านอุปสรรค มุ่งสู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
การทำกายภาพบำบัด เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังจากได้รับบาดเจ็บ ผ่าตัด หรือป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ แม้ว่ากายภาพบำบัดจะมอบประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อห้ามบางประการที่ควรรู้ก่อนเข้ารับการรักษา ซึ่งบทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับข้อห้ามสำคัญของการทำกายภาพบำบัด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
ข้อควรระวังและข้อห้ามในการทํากายภาพบําบัด
1. โรคติดต่อ
ผู้ป่วยที่มีโรคติดต่อ เช่น โรคผิวหนังติดต่อ โรคตับอักเสบ โรคเอดส์ ไม่ควรเข้ารับการกายภาพบำบัดด้วยวิธีการที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับนักกายภาพบำบัดหรืออุปกรณ์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
2. ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
ผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ การกายภาพบำบัดบางประเภท เช่น การนวด การกระตุ้นไฟฟ้า การประคบร้อน อาจทำให้ลิ่มเลือดหลุดลอยไปอุดตันในปอด ส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต
3. ภาวะกระดูกหัก
ผู้ป่วยที่มีกระดูกหักใหม่ ๆ ไม่ควรกายภาพบำบัดด้วยการเคลื่อนไหวหรือลงน้ำหนักบริเวณที่บาดเจ็บ เพราะอาจทำให้กระดูกหักซ้ำหรือผิดรูปได้ ควรต้องรอให้กระดูกประสานกันก่อนจึงเริ่มทำกายภาพบำบัด
4. ภาวะข้ออักเสบรุนแรง
ผู้ป่วยที่มีภาวะข้ออักเสบรุนแรง เช่น โรคเก๊าท์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การกายภาพบำบัดบางประเภท เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวข้อ อาจทำให้อาการปวดและอักเสบเพิ่มมากขึ้น
5. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางประเภท ไม่ควรกายภาพบำบัดด้วยการออกกำลังกายแบบหนักหน่วง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
6. ภาวะตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการกายภาพบำบัด เพราะการกายภาพบำบัดบางประเภท อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์
7. ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่มีภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง ควรเริ่มกายภาพบำบัดด้วยโปรแกรมเบา ๆ ค่อย ๆ เพิ่มความหนักขึ้นตามลำดับ เพื่อป้องกันร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้น
8. ภาวะทางจิตเวช
ผู้ป่วยที่มีภาวะทางจิตเวชบางประเภท เช่น โรคกลัว โรควิตกกังวล อาจไม่สามารถให้ความร่วมมือในการกายภาพบำบัดได้
9. ภาวะสูญเสียความรู้สึก
ผู้ป่วยที่สูญเสียความรู้สึกบริเวณที่บาดเจ็บ ไม่ควรกายภาพบำบัดด้วยการกระตุ้นไฟฟ้า การประคบร้อนหรือเย็น เพราะอาจไม่รู้สึกถึงความร้อนหรือเย็น เพราะอาจเกิดแผลไหม้ได้
10. ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการกายภาพบำบัดทุกครั้ง เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการและสภาวะร่างกาย
คำแนะนำก่อนการทำกายภาพบำบัด
- ปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดก่อนเข้ารับการรักษา
- แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรักษา โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน และอาการปัจจุบัน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด
- สังเกตอาการของร่างกาย
- หยุดการรักษาและแจ้งผู้เชี่ยวชาญทันทีหากมีอาการผิดปกติ
บทสรุปการทำกายภาพบำบัด
ก่อนเข้ารับการทำกายภาพบำบัด ควรแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญทราบเกี่ยวกับประวัติการรักษา โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน และอาการปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพร่างกายและออกแบบโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสม
การทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธีและเหมาะสม จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและบรรเทาอาการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากฝืนทำกายภาพบำบัดในขณะที่มีข้อห้าม อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย
*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
- เว็บไซต์ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย : (https://rehab.redcross.or.th/หน่วยงาน/งานกายภาพบำบัด/)
- เว็บไซต์ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย :(http://www.pt.ahs.chula.ac.th/)
- เว็บไซต์ศูนย์กายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล :(https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/therapy/musculoskeletal/)
- เว็บไซต์ฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟู (https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/dept/ฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟู/)
- เว็บไซต์สภากายภาพบำบัด : (https://pt.or.th/PTCouncil/law/6/2.pdf)
- เว็บไซต์สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย: (https://thaipt.org/)
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://www.freepik.com/)
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://www.pixabay.com/)
ตอบกลับ