Health Projectการดูแลสุขภาพ

ภูมิตก คืออะไร ส่งผลเสียอย่างไรกับสุขภาพ และวิธีรับมือกับอาการภูมิตก

ภูมิตกคืออะไร? สาเหตุและอาการที่บ่งบอกว่าภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ และผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพโดยรวม พร้อมวิธีดูแลตัวเองให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง
ภูมิตก คืออะไร ส่งผลเสียอย่างไรกับสุขภาพ และวิธีรับมือกับอาการภูมิตก

ภูมิตกคืออะไร และส่งผลเสียอย่างไร?

ภูมิตก (Immunosuppression) หรือ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง คือภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคบางชนิด (เช่น HIV/AIDS), การใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์), การรักษาโรคมะเร็ง (เคมีบำบัด), หรือแม้แต่ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

เมื่อภูมิคุ้มกันตก ร่างกายจะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่โรคเล็กน้อย เช่น หวัด ไปจนถึงการติดเชื้อรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ ภูมิตกยังอาจทำให้โรคประจำตัวที่เป็นอยู่แล้วมีอาการแย่ลง และอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการรักษาโรคอื่นๆ ด้วย

อาการที่พบบ่อยของภาวะภูมิตก

  • ป่วยบ่อยและฟื้นตัวช้า: เป็นหวัดหรือติดเชื้อบ่อยกว่าปกติ เช่น เป็นหวัดซ้ำๆ หรือเป็นหวัดแต่ละครั้งใช้เวลานานในการฟื้นตัว นอกจากนี้ยังอาจมีการติดเชื้ออื่นๆ ที่เป็นซ้ำบ่อยๆ เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
  • อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย: รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างมากในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง
  • มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร: อาจมีอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือปวดท้องบ่อยๆ เพราะความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • บาดแผลหายช้า: บาดแผลเล็กๆ เช่น รอยขีดข่วนหรือแผลถลอก ใช้เวลานานกว่าปกติในการสมาน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  • มีผื่นคันหรือปัญหาผิวหนังบ่อย: อาจเกิดอาการผื่นแพ้, ผิวหนังอักเสบ, หรือการติดเชื้อราบนผิวหนังบ่อยๆ
  • ผมร่วงผิดปกติ: ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเส้นผมและทำให้เกิดผมร่วงได้
  • มีไข้ต่ำๆ: อาจมีไข้แบบเป็นๆ หายๆ หรือมีเหงื่อออกตอนกลางคืน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังพยายามต่อสู้กับการติดเชื้อ
  • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ: การเบื่ออาหารหรือการมีปัญหากับระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ

สาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันตก

ภาวะภูมิตกไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ แต่เกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ได้แก่:

  1. ความเครียดเรื้อรัง: เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่อง จะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  2. การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับที่มีคุณภาพต่ำหรือน้อยเกินไปส่งผลต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค
  3. โภชนาการที่ไม่สมบูรณ์: การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามิน (A, C, D, E), แร่ธาตุ (สังกะสี, เหล็ก) และโปรตีน จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
  4. การใช้ยาบางชนิด: ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) หรือยากดภูมิคุ้มกันที่ใช้ในการรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ (Immunosuppressants)
  5. ภาวะทางการแพทย์: โรคบางชนิด เช่น HIV/AIDS, โรคมะเร็ง (โดยเฉพาะในระหว่างการทำเคมีบำบัด) และโรคเบาหวาน สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้
  6. การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: สารเคมีในบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันและลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

ผลกระทบต่อสุขภาพจากภาวะภูมิตก

เมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายจะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ มากขึ้น เช่น:

  • ติดเชื้อฉวยโอกาส: เชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนปกติอาจกลายเป็นอันตรายร้ายแรงได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • อาการของโรคประจำตัวรุนแรงขึ้น: ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด หรือโรคเบาหวาน อาจมีอาการของโรคที่ควบคุมได้ยากขึ้น
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น: ระบบภูมิคุ้มกันมีหน้าที่ตรวจจับและทำลายเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันมะเร็ง หากภูมิคุ้มกันบกพร่อง ความเสี่ยงจึงเพิ่มขึ้น

T

วิธีรับมืออาการภูมิตกและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

การป้องกันและแก้ไขภาวะภูมิตกต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน:

  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: ควรนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่
  2. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก, ผลไม้, ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนที่มีคุณภาพสูงเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายระดับปานกลางช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มจำนวนเซลล์ภูมิคุ้มกัน
  4. จัดการกับความเครียด: ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ, โยคะ, หรือกิจกรรมอดิเรกที่ชอบ
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น
  6. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง: งดสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์

บทความของ โครงการการศึกษาความรอบรู้เฉพาะเรื่อง เกี่ยวกับสุขภาพ, กายภาพบำบัดและการนวดช่วยดูแลสุขภาพ บรรเทาอาการผ่านการเรียนรู้กายวิภาคจากสื่อออนไลน์


*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
  • องค์การอนามัยโลก (WHO): ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน
  • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC): ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพและโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน
  • สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH): มีบทความวิจัยและการศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • วารสารทางการแพทย์: เช่น New England Journal of Medicine, The Lancet, หรือเว็บไซต์ทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้เช่น Mayo Clinic, WebMD และ Johns Hopkins Medicine
  • เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://unsplash.com/)

Shares: