หัวข้อบทความ
สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และแนวทางการป้องกันและการรักษาโรคเดอกาแวง หรือโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ
ในยุคดิจิทัลที่การใช้มือและข้อมือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทั้งจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ การใช้สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่งานอดิเรกต่างๆ ทำให้หลายคนเริ่มประสบปัญหาอาการปวดบริเวณข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ หนึ่งในโรคที่พบบ่อยและสร้างความทรมานอย่างมากคือ “โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ” หรือ De Quervain’s tenosynovitis ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการ ออฟฟิศซินโดรม หรือไม่ บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักโรคนี้อย่างละเอียดใน 8 หัวข้อหลัก
รู้จักโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s Tenosynovitis)
โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ คืออะไร
โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ หรือ เดอกาแวง (De Quervain’s tenosynovitis) บางครั้งเรียกว่า De Quervain’s disease หรือ De Quervain’s syndrome เป็นโรคไม่ติดต่อ ซึ่งเป็นภาวะที่มีการอักเสบและหนาตัวขึ้นของปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณข้อมือด้านนิ้วหัวแม่มือ ส่งผลให้เส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการเหยียดและกางนิ้วหัวแม่มือเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก เกิดอาการปวด บวม และจำกัดการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือและข้อมือ โรคนี้ได้รับการตั้งชื่อตามนายแพทย์ชาวสวิส Fritz de Quervain ผู้ซึ่งอธิบายลักษณะอาการของโรคนี้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1895
ภาวะนี้มักถูกเรียกขานในชื่อเล่นต่างๆ เช่น “Mommy Thumb” หรือ “Gamer’s Thumb” เนื่องจากมักพบในกลุ่มคุณแม่มือใหม่ที่ต้องอุ้มลูกซ้ำๆ หรือในกลุ่มผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือเล่นเกมเป็นเวลานาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะการเกิดโรคที่สัมพันธ์กับการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือที่มากเกินไปหรือในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานาน
ทำไมเราถึงเป็นโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ?
สาเหตุของโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ
สาเหตุหลักของโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดในทุกกรณี แต่ปัจจัยที่เชื่อว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งคือ “การใช้งานซ้ำๆ” (Repetitive Strain) ของข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ การเคลื่อนไหวในลักษณะเดิมซ้ำๆ หรือการออกแรงเกร็งบริเวณดังกล่าวเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็น นำไปสู่การระคายเคือง อักเสบ และหนาตัวขึ้นของปลอกหุ้มเส้นเอ็นในที่สุด
โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s Tenosynovitis) หรือโรคเดอกาแวง ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็น 2 เส้นบริเวณข้อมือฝั่งโคนนิ้วหัวแม่มือ (abductor pollicis longus และ extensor pollicis brevis) และปลอกหุ้มเอ็นที่ห่อหุ้มเส้นเอ็นเหล่านี้ โดยสาเหตุหลักๆ มาจาก
- การใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ หรือมากเกินไป (Overuse and Repetitive Motions): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด การเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในลักษณะเดิมเป็นเวลานานๆ เช่น:
- การพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน
- การอุ้มเด็กทารก โดยเฉพาะท่าที่ใช้หัวแม่มือในการพยุง
- การทำงานบ้าน เช่น บิดผ้า ซักผ้า กวาด ถู
- การเล่นกีฬาบางชนิดที่ต้องใช้ข้อมือและหัวแม่มือมาก เช่น เทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ
- อาชีพที่ต้องใช้มือและข้อมือซ้ำๆ เช่น ช่างไม้ ช่างทำอาหาร คนทำความสะอาด
- การเคลื่อนไหวข้อมือและหัวแม่มือในท่าทางที่ไม่เหมาะสม: การหักข้อมือหรือใช้งานในท่าที่ผิดธรรมชาติเป็นประจำ ทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคืองต่อเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็น
- การบาดเจ็บโดยตรงที่ข้อมือหรือเส้นเอ็น: การได้รับบาดเจ็บ เช่น การกระแทก อาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังได้
- ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ:
- เพศหญิง: พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- การตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการอุ้มทารกบ่อยๆ เป็นปัจจัยสำคัญ
- อายุ: มักพบในคนช่วงอายุ 30-50 ปี
- โรคประจำตัวบางอย่าง: เช่น โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis), โรคเบาหวาน, หรือภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Disorders) ซึ่งอาจทำให้เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยหรืออักเสบได้ง่ายขึ้น
เมื่อเกิดการอักเสบ ปลอกหุ้มเอ็นจะบวมหนาขึ้น ทำให้ช่องทางที่เส้นเอ็นเคลื่อนผ่านแคบลง เกิดการเสียดสีและกดทับเส้นเอ็น ทำให้เกิดอาการปวด บวม และจำกัดการเคลื่อนไหวบริเวณข้อมือและโคนนิ้วหัวแม่มือ
กิจกรรมที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ
- การทำงานที่ต้องใช้ข้อมือและนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ: เช่น การพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ การใช้เมาส์ การทำงานฝีมือ การใช้กรรไกร การยกของหนักโดยใช้ข้อมือและนิ้วหัวแม่มือเป็นหลัก
- การเลี้ยงดูบุตร: โดยเฉพาะการอุ้มเด็กทารก ซึ่งมักต้องเกร็งข้อมือและนิ้วหัวแม่มือเป็นเวลานาน
- การเล่นกีฬาบางชนิด: เช่น เทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ ที่มีการใช้ข้อมือในการจับอุปกรณ์และออกแรงซ้ำๆ นานๆ หรือหนักๆ
- งานอดิเรก: เช่น การถักนิตติ้ง การเล่นดนตรี การเล่นเกม
- การบาดเจ็บโดยตรง: การได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อมือหรือเส้นเอ็นโดยตรง
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์: อาจเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็นได้ง่ายขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: พบว่าหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดมีความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
อาการของโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ
อาการของโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบมักจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหลังจากการใช้งานอย่างหนัก อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- อาการปวด: เป็นอาการเด่นชัดที่สุด โดยจะปวดบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือ ร้าวขึ้นไปตามแขนท่อนล่าง อาการปวดจะมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือ กำมือ บิดข้อมือ หรือยกสิ่งของ
- อาการบวม: อาจพบอาการบวมบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือด้านหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งของปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่อักเสบ ในบางรายอาจคลำได้ก้อนนูนบริเวณดังกล่าว
- อาการติดขัดหรือเสียงคลิก: อาจรู้สึกเหมือนมีอะไรติดขัดหรือมีเสียงคลิก (Snapping sensation) เวลาขยับนิ้วหัวแม่มือ เนื่องจากการเคลื่อนตัวของเส้นเอ็นผ่านปลอกหุ้มที่ตีบแคบ
- ความยากลำบากในการใช้งาน: ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่านิ้วหัวแม่มืออ่อนแรง หยิบจับสิ่งของได้ไม่ถนัด โดยเฉพาะการหยิบของชิ้นเล็กๆ หรือการใช้กำลังในการบิดหมุน
- อาการชา: ในบางรายอาจมีอาการชาบริเวณหลังนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ซึ่งเกิดจากการที่เส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียงถูกกดทับจากการบวม
แพทย์มักทำการทดสอบที่เรียกว่า Finkelstein’s test เพื่อช่วยในการวินิจฉัย โดยให้ผู้ป่วยกำนิ้วหัวแม่มือไว้ในอุ้งมือ แล้วหักข้อมือลงไปทางนิ้วก้อย หากมีอาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือ แสดงว่าผลการทดสอบเป็นบวก และมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคนี้
กลุ่มเสี่ยง: ใครบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ?
แม้ว่าโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มีบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ได้แก่:
- เพศหญิง: พบว่าเพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าเพศชายถึง 4-6 เท่า โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30-50 ปี
- หญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด: ดังที่กล่าวไปข้างต้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการอุ้มบุตรเป็นปัจจัยสำคัญ
- ผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้มือและข้อมือซ้ำๆ: เช่น พนักงานออฟฟิศที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน, ช่างฝีมือ, คนงานในโรงงาน, นักดนตรี, ศิลปิน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ที่อาจนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม ได้เช่นกัน แม้ว่าโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นอักเสบจะมีพยาธิสภาพที่จำเพาะ แต่พฤติกรรมการทำงานก็เป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ
- ผู้ที่มีกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ใช้ข้อมือมาก: เช่น นักกีฬา (เทนนิส, แบดมินตัน, กอล์ฟ), ผู้ที่ชอบเล่นเกม, ผู้ที่ถักนิตติ้ง
- ผู้ที่มีประวัติการบาดเจ็บบริเวณข้อมือมาก่อน
- ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบบางชนิด: เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
การตระหนักถึงความเสี่ยงของตนเองจะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคได้
การวินิจฉัยโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ
แพทย์ตรวจอะไรบ้าง?
การวินิจฉัยโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบส่วนใหญ่อาศัยการซักประวัติอาการอย่างละเอียดและการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การซักประวัติ: แพทย์จะสอบถามถึงลักษณะอาการปวด ตำแหน่งที่ปวด กิจกรรมที่ทำให้อาการปวดแย่ลงหรือดีขึ้น ประวัติการใช้งานมือและข้อมือ ประวัติการบาดเจ็บ และโรคประจำตัวอื่นๆ
- การตรวจร่างกาย:
- การสังเกต: แพทย์จะสังเกตลักษณะการบวม แดง หรือความผิดปกติอื่นๆ บริเวณข้อมือและโคนนิ้วหัวแม่มือ
- การคลำ: แพทย์จะคลำบริเวณที่ปวดเพื่อหาจุดกดเจ็บ และอาจคลำพบปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาตัวขึ้น
- การทดสอบ Finkelstein’s test: ดังที่อธิบายไปแล้ว เป็นการทดสอบที่ค่อนข้างจำเพาะสำหรับโรคนี้ โดยให้ผู้ป่วยกำนิ้วหัวแม่มือไว้ในฝ่ามือ จากนั้นแพทย์จะค่อยๆ หักข้อมือของผู้ป่วยลงไปทางด้านนิ้วก้อย หากผู้ป่วยมีอาการปวดแปลบอย่างรุนแรงบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือ แสดงว่าผลการทดสอบเป็นบวก
- การตรวจการเคลื่อนไหว: แพทย์จะประเมินช่วงการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือและข้อมือ
- การตรวจเพิ่มเติม (ในบางกรณี):
- การเอกซเรย์ (X-ray): โดยทั่วไปไม่จำเป็นสำหรับการวินิจฉัยโรคนี้โดยตรง แต่อาจทำเพื่อแยกโรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกันออกไป เช่น ภาวะข้อเสื่อม หรือกระดูกหัก
- การอัลตราซาวนด์ (Ultrasound): สามารถช่วยให้เห็นภาพการอักเสบและการหนาตัวของปลอกหุ้มเส้นเอ็นได้ชัดเจนขึ้น และช่วยแยกความผิดปกติอื่นๆ ของเส้นเอ็นหรือเนื้อเยื่ออ่อนโดยรอบ
- การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI): อาจพิจารณาในรายที่การวินิจฉัยไม่ชัดเจน หรือสงสัยภาวะอื่นๆ ร่วมด้วย
การวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
แนวทางการรักษาโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ จากการพักผ่อนสู่การผ่าตัด
เป้าหมายหลักของการรักษาโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ คือการลดอาการปวดและการอักเสบ ฟื้นฟูการทำงานของเส้นเอ็น และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ แนวทางการรักษามีตั้งแต่การดูแลตนเองเบื้องต้นไปจนถึงการผ่าตัดในกรณีที่จำเป็น
- การรักษาแบบประคับประคอง (Conservative Treatment): เป็นแนวทางแรกที่มักใช้ และได้ผลดีในผู้ป่วยส่วนใหญ่
- การพักการใช้งาน: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด หรือปรับเปลี่ยนท่าทางการทำงานเพื่อลดการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ
- การประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ปวดครั้งละ 15-20 นาที วันละหลายครั้ง เพื่อช่วยลดอาการบวมและการอักเสบ
- การใส่เฝือกอ่อนหรืออุปกรณ์พยุงข้อมือ (Splint/Brace): ช่วยจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ ให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม ลดการเสียดสีของเส้นเอ็น ควรใส่ทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วงแรก หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- การใช้ยา:
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (Naproxen) ทั้งในรูปแบบยารับประทานและยาทาเฉพาะที่ เพื่อช่วยลดอาการปวดและอักเสบ
- การฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่: แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปในปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่อักเสบโดยตรง เพื่อลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว วิธีนี้มักได้ผลดี แต่อาจมีผลข้างเคียงเฉพาะที่ได้บ้าง และอาการอาจกลับมาเป็นซ้ำได้
- การทำกายภาพบำบัด: นักกายภาพบำบัดจะแนะนำท่าบริหารเพื่อค่อยๆ ยืดเหยียดและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ รวมถึงการปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics)
- การผ่าตัด (Surgical Treatment): พิจารณาในกรณีที่การรักษาแบบประคับประคองไม่ได้ผล หรือมีอาการรุนแรงมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การผ่าตัดมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่ตีบแคบออก เพื่อให้เส้นเอ็นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ลดการเสียดสีและการอักเสบ การผ่าตัดนี้เรียกว่า “De Quervain’s release” ซึ่งเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังการผ่าตัด
การตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ระยะเวลาที่เป็น และการตอบสนองต่อการรักษาก่อนหน้า โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การป้องกันและการดูแลตนเอง
ห่างไกลโรคด้วยการปรับพฤติกรรม
การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ สำหรับโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมในการทำงานสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก:
- หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือในท่าเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน: หากจำเป็นต้องทำงานในลักษณะดังกล่าว ควรมีการพักเป็นระยะๆ เปลี่ยนอิริยาบถ และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
- ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics):
- ปรับระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสม
- ใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์ ซึ่งช่วยให้ข้อมืออยู่ในท่าที่เป็นธรรมชาติ ลดการเกร็ง
- พักสายตาและข้อมือทุกๆ 30-60 นาที ด้วยการลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
- เรียนรู้วิธีการยกของที่ถูกต้อง: ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ของแขนและลำตัวช่วยในการยก แทนที่จะใช้กำลังจากข้อมือและนิ้วหัวแม่มือเพียงอย่างเดียว
- บริหารกล้ามเนื้อ: ทำท่าบริหารเพื่อยืดเหยียดและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือ แขน และนิ้วหัวแม่มือเป็นประจำ
- ท่ายืดนิ้วหัวแม่มือ: กางนิ้วหัวแม่มือออกให้สุด ค้างไว้ 10-15 วินาที แล้วปล่อย ทำซ้ำหลายครั้ง
- ท่ากำ-แบมือ: กำมือให้แน่นแล้วค่อยๆ คลายออกจนสุด ทำซ้ำหลายครั้ง
- ท่าหมุนข้อมือ: ค่อยๆ หมุนข้อมือเป็นวงกลมตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกา
- ระมัดระวังการใช้สมาร์ทโฟน: หลีกเลี่ยงการถือหรือพิมพ์ด้วยมือเดียวเป็นเวลานาน พยายามใช้สองมือสลับกัน หรือใช้อุปกรณ์เสริมช่วย
- คุณแม่มือใหม่: พยายามเปลี่ยนท่าอุ้มลูกบ่อยๆ ใช้หมอนรองช่วย หรือขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างเพื่อลดภาระของข้อมือ
- หากเริ่มมีอาการ: ควรพักการใช้งานทันที ประคบเย็น และปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
บทสรุปและความเชื่อมโยงกับออฟฟิศซินโดรม: ใช่ออฟฟิศซินโดมหรือไม่?
โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s Tenosynovitis) เป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือที่ซ้ำๆ หรือมากเกินไป การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง
คำถามที่ว่า “โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ใช่ออฟฟิศซินโดมหรือไม่?” นั้น สามารถอธิบายได้ว่า แม้โรค De Quervain’s จะเป็นภาวะจำเพาะที่เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณนิ้วหัวแม่มือ แต่ปัจจัยเสี่ยงหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ การพิมพ์งาน หรือการใช้เมาส์เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นลักษณะงานของพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ ก็เป็นสาเหตุร่วมที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial Pain Syndrome) ที่เกิดจากรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง รวมถึงอาการทางระบบประสาท เช่น อาการชาที่มือและแขน ดังนั้น โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบจึงอาจถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการที่สามารถพบร่วม หรือมีปัจจัยกระตุ้นคล้ายคลึงกับกลุ่มอาการ ออฟฟิศซินโดรม ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ
การตระหนักถึงความเสี่ยง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม และการดูแลสุขภาพของมือและข้อมืออย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันทั้งโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบและกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปราศจากความเจ็บปวดในระยะยาว หากท่านมีอาการน่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
- ข้อมูลจากภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- บทความทางการแพทย์จากเว็บไซต์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- บทความทางการแพทย์จากเว็บไซต์โรงพยาบาลกรุงเทพ
- Mayo Clinic. (n.d.). De Quervain’s tenosynovitis.
- American Academy of Orthopaedic Surgeons (AAOS). (n.d.). De Quervain’s Tendinosis.
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://www.freepik.com/)
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://www.pixabay.com/)
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://unsplash.com//)