โรคเดอกาแวง กับ โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ใช่โรคเดียวกันหรือไม่
อาการปวดข้อมือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ใช้ข้อมือซ้ำๆ เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเล่นกีฬา หรือแม้แต่กิจกรรมยามว่าง หนึ่งในภาวะที่มักเป็นสาเหตุของอาการปวดข้อมือคือ “โรคเดอกาแวง” (De Quervain’s Tenosynovitis) ซึ่งเป็นภาวะที่ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณข้อมืออักเสบและหนาตัวขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดและจำกัดการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือและข้อมือ
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเดอกาแวงอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย ไปจนถึงแนวทางการป้องกันและการรักษา เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพข้อมือของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. โรคเดอกาแวง คืออะไร?
โรคเดอกาแวง (De Quervain’s Tenosynovitis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ภาวะพังผืดรัดข้อมือ เป็นการอักเสบของเยื่อหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือ โดยเฉพาะเอ็นกล้ามเนื้อสองเส้นที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือ คือ
- Abductor Pollicis Longus (APL): เอ็นที่ใช้ในการกางนิ้วหัวแม่มือออก
- Extensor Pollicis Brevis (EPB): เอ็นที่ใช้ในการเหยียดนิ้วหัวแม่มือ
เอ็นกล้ามเนื้อทั้งสองเส้นนี้จะลอดผ่านปลอกหุ้มเอ็น (sheath) ที่อยู่บริเวณข้อมือฝั่งหัวแม่มือ เมื่อเกิดการใช้งานซ้ำๆ หรือการเสียดสีมากเกินไป ปลอกหุ้มเอ็นและเอ็นกล้ามเนื้อจะเกิดการอักเสบ บวม และหนาตัวขึ้น ทำให้ช่องว่างภายในปลอกหุ้มเอ็นแคบลง ส่งผลให้เอ็นเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก เกิดการเสียดสีมากขึ้น และเกิดอาการปวดตามมา
ชื่อ “De Quervain” มาจากชื่อของ Fritz de Quervain ศัลยแพทย์ชาวสวิสที่ได้อธิบายภาวะนี้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1895
2. สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคเดอกาแวง
โรคเดอกาแวงมักเกิดจากการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่าเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เกิดการเสียดสีและการอักเสบของเอ็นและปลอกหุ้มเอ็น ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่:
- การใช้งานซ้ำๆ: กิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมือและนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ เช่น การพิมพ์งาน การใช้เมาส์ การเล่นโทรศัพท์มือถือ (โดยเฉพาะการพิมพ์ด้วยนิ้วหัวแม่มือ) การเล่นดนตรี การเย็บปักถักร้อย การทำงานช่าง หรืองานที่ต้องบิดข้อมือเป็นประจำ
- การตั้งครรภ์และหลังคลอด: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดอาจส่งผลให้เนื้อเยื่อต่างๆ มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและเกิดการบวมน้ำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การอุ้มทารกโดยใช้ข้อมือเป็นเวลานานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเดอกาแวงในคุณแม่หลังคลอด หรือที่เรียกกันว่า “โรคข้อมือแม่” (Mommy Thumb)
- เพศ: ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเดอกาแวงมากกว่าผู้ชาย อาจเป็นผลมาจากโครงสร้างทางกายวิภาคที่แตกต่างกันและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- อายุ: มักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี
- อาชีพ: อาชีพที่ต้องใช้ข้อมือและมือมาก เช่น ช่างฝีมือ พนักงานออฟฟิศ นักดนตรี ช่างทำผม
- โรคประจำตัว: ผู้ป่วยบางรายที่มีโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์หรือโรคเบาหวานอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บโดยตรงบริเวณข้อมืออาจนำไปสู่การอักเสบของเอ็นได้
3. อาการของโรคเดอกาแวง
อาการหลักของโรคเดอกาแวงคือ อาการปวด ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือและข้อมือฝั่งหัวแม่มือ อาการอื่นๆ ที่พบได้แก่:
- ปวด: อาการปวดมักเป็นมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือและข้อมือ โดยเฉพาะเมื่อพยายามกำมือ กางนิ้วหัวแม่มือออก หรือบิดข้อมือ
- บวม: อาจสังเกตเห็นการบวมบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือและข้อมือฝั่งหัวแม่มือ
- เจ็บเมื่อสัมผัส: กดแล้วเจ็บบริเวณข้อมือฝั่งหัวแม่มือ
- ความรู้สึกกรุบกริบหรือติดขัด: อาจรู้สึกเหมือนมีอะไรติดขัดหรือได้ยินเสียงกรุบกริบเมื่อเคลื่อนไหวเอ็น
- อ่อนแรง: ในบางรายอาจรู้สึกว่ากำลังในการจับสิ่งของลดลง หรือยกของได้ไม่ถนัด
- อาการชา: ในกรณีที่การอักเสบรุนแรง อาจมีการกดทับเส้นประสาทใกล้เคียง ทำให้เกิดอาการชาที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ได้
อาการมักจะค่อยๆ เป็นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และอาจรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างมาก
4. การวินิจฉัยโรคเดอกาแวง
การวินิจฉัยโรคเดอกาแวงส่วนใหญ่ทำได้โดยการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์ ผู้ป่วยมักจะเล่าถึงอาการปวดบริเวณข้อมือฝั่งหัวแม่มือที่มีความสัมพันธ์กับการใช้งานซ้ำๆ
การตรวจร่างกายที่สำคัญคือ การทดสอบของฟิงเคิลสไตน์ (Finkelstein’s Test) ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยยืนยันการวินิจฉัย:
- ผู้ป่วยกำมือโดยให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ภายในกำปั้น
- จากนั้นค่อยๆ เอียงข้อมือลงไปทางด้านนิ้วก้อย (ulnar deviation)
- หากมีอาการปวดเฉียบพลันบริเวณข้อมือฝั่งหัวแม่มือ แสดงว่าผลการทดสอบเป็นบวก และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคเดอกาแวง
นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์ (X-ray) เพื่อแยกแยะภาวะอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อมือได้ เช่น ภาวะข้อเสื่อม หรือกระดูกหัก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว การเอกซเรย์จะไม่สามารถเห็นการอักเสบของเอ็นได้โดยตรง แต่ก็มีประโยชน์ในการตัดสาเหตุอื่นออกไป
5. การรักษาโรคเดอกาแวง
แนวทางการรักษาโรคเดอกาแวงมีตั้งแต่การปรับพฤติกรรมไปจนถึงการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการตอบสนองต่อการรักษา
5.1 การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (Non-surgical Treatment)
เป็นแนวทางเริ่มต้นที่นิยมใช้และได้ผลดีในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ได้แก่:
- การพักการใช้งาน: สิ่งสำคัญที่สุดคือการลดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้ข้อมือและนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ
- การประคบเย็น: ในช่วงที่มีอาการอักเสบเฉียบพลัน การประคบเย็นบริเวณที่มีอาการปวดและบวมครั้งละ 15-20 นาที วันละหลายครั้ง จะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้
- การใช้ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาพรอกเซน (Naproxen) เพื่อลดอาการปวดและอักเสบ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- การใส่เฝือกหรืออุปกรณ์พยุงข้อมือ: การใส่เฝือกอ่อนหรืออุปกรณ์พยุงข้อมือ (Thumb Spica Splint) จะช่วยจำกัดการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือและข้อมือ ทำให้เอ็นได้พักและลดการเสียดสี ควรใส่ตลอดเวลา ยกเว้นตอนทำความสะอาด
- การฉีดสเตียรอยด์: หากอาการไม่ดีขึ้นจากการรักษาเบื้องต้น แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์ (corticosteroid) เข้าไปในปลอกหุ้มเอ็นบริเวณที่มีการอักเสบโดยตรง เพื่อลดการอักเสบและอาการบวม การฉีดสเตียรอยด์มักให้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็ว แต่ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป
- กายภาพบำบัด: นักกายภาพบำบัดจะช่วยสอนท่าออกกำลังกายยืดเหยียดและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ รวมถึงแนะนำท่าทางที่ถูกต้องในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
5.2 การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment)
การผ่าตัดจะพิจารณาเมื่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล หรืออาการยังคงรุนแรงและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก
- การผ่าตัด: เป็นการผ่าตัดเล็ก (De Quervain’s Release or Tenosynovectomy) โดยศัลยแพทย์จะทำการเปิดปลอกหุ้มเอ็นที่หนาตัวขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เอ็นเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ลดการเสียดสีและการกดทับ โดยทั่วไปเป็นการผ่าตัดที่ปลอดภัยและได้ผลดี ผู้ป่วยมักจะฟื้นตัวได้เร็วและอาการปวดจะดีขึ้นอย่างมากหลังผ่าตัด
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและความแข็งแรงของข้อมือ
6. การป้องกันโรคเดอกาแวง
การป้องกันโรคเดอกาแวงที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานข้อมือและนิ้วหัวแม่มือ โดยมีข้อแนะนำดังนี้:
- ปรับท่าทางและอุปกรณ์:
- การใช้เมาส์และคีย์บอร์ด: เลือกเมาส์ที่เหมาะสมกับมือและใช้ท่าทางที่ถูกต้องในการจับและเคลื่อนย้ายเมาส์ จัดวางคีย์บอร์ดและเมาส์ให้อยู่ในตำแหน่งที่สบาย ข้อมืออยู่ในแนวตรง ไม่บิดงอ
- การใช้โทรศัพท์มือถือ: หลีกเลี่ยงการจับโทรศัพท์มือถือที่ต้องใช้การงอนิ้วหัวแม่มือเป็นเวลานาน หรือการพิมพ์ข้อความด้วยนิ้วหัวแม่มือเพียงนิ้วเดียว ควรใช้สองมือจับและใช้นิ้วอื่นๆ ช่วยในการพิมพ์
- การอุ้มทารก: หากเป็นคุณแม่ ควรพยายามเปลี่ยนท่าทางการอุ้มทารกบ่อยๆ และไม่ใช้ข้อมือเป็นหลักในการรองรับน้ำหนัก อาจใช้ผ้าอุ้มหรืออุปกรณ์ช่วย
- หยุดพักและยืดเหยียด:
- พักเป็นระยะ: หากต้องทำงานที่ใช้ข้อมือซ้ำๆ ควรหยุดพักเป็นระยะทุกๆ 30-60 นาที
- ยืดเหยียด: ทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อข้อมือและนิ้วหัวแม่มือเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนและหลังทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมือมาก
- เสริมสร้างความแข็งแรง: ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนและมืออย่างสม่ำเสมอ
- สังเกตอาการ: หากเริ่มมีอาการปวดหรือรู้สึกผิดปกติบริเวณข้อมือ ควรรีบพักและลดการใช้งาน หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์
- ** ergonomics**: ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม (ergonomics) เพื่อลดความตึงเครียดของข้อมือและมือ
7. เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?
หากคุณมีอาการปวดข้อมือฝั่งหัวแม่มือร่วมกับอาการบวม ชา หรืออ่อนแรง และอาการไม่ดีขึ้นหลังจากพักการใช้งานและดูแลตัวเองเบื้องต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
การวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น และช่วยให้คุณกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข
โรคเดอกาแวงและโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ เหมือนกันหรือไม่
“โรคเดอกาแวง” และ “โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ” คือโรคเดียวกันครับ
“เดอกาแวง” (De Quervain) เป็นชื่อทางการแพทย์ของโรคนี้ ซึ่งตั้งชื่อตามนายแพทย์ชาวสวิส Fritz de Quervain ที่เป็นผู้ค้นพบและอธิบายอาการของโรคนี้เป็นครั้งแรก
ส่วน “โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ” เป็นชื่อภาษาไทยที่อธิบายลักษณะของโรคได้ตรงตัว คือเป็นการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณข้อมือฝั่งโคนนิ้วหัวแม่มือ
ดังนั้น ไม่ว่าจะได้ยินคำว่า “โรคเดอกาแวง” หรือ “โรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ” ก็คือการกล่าวถึงภาวะเดียวกันนั่นเองครับ
สรุป
โรคเดอกาแวงเป็นภาวะพังผืดรัดข้อมือที่เกิดจากการอักเสบของเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งมักเกิดจากการใช้งานซ้ำๆ การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน การพักผ่อน การใช้ยา การทำกายภาพบำบัด และในบางกรณีการผ่าตัด ล้วนเป็นทางเลือกในการรักษาที่แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม สิ่งสำคัญที่สุดคือการตระหนักถึงความเสี่ยง และดูแลสุขภาพข้อมือของคุณให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคนี้ และหากมีอาการ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที
*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
- American Academy of Orthopaedic Surgeons (AAOS). (2020). De Quervain’s Tenosynovitis. Retrieved from https://orthoinfo.aaos.org/en/diseases–conditions/de-quervains-tenosynovitis/
- Mayo Clinic. (2023). De Quervain’s Tenosynovitis. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/de-quervains-tenosynovitis/symptoms-causes/syc-20371332
- Johns Hopkins Medicine. (n.d.). De Quervain’s Tenosynovitis. Retrieved from https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/de-quervains-tenosynovitis
- Cleveland Clinic. (2022). De Quervain’s Tenosynovitis. Retrieved from https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/17691-de-quervains-tenosynovitis
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. (n.d.). โรคเดอกาแวง (De Quervain’s disease). Retrieved from https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/de-quervains-disease
- โรงพยาบาลกรุงเทพ. (n.d.). โรคเดอกาแวง (De Quervain’s Disease) หรือโรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ. Retrieved from https://www.bangkokhospital.com/content/de-quervain-disease
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://www.freepik.com/)
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://www.pixabay.com/)
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://unsplash.com/)