ในปัจจุบันเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศ หนึ่งในภัยเงียบที่น่ากังวลที่สุดคือ ไมโครพลาสติก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันได้แทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่งในธรรมชาติ และกำลังย้อนกลับมาส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์
ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าไมโครพลาสติกคืออะไร มีที่มาอย่างไร มีผลกระทบอย่างไรบ้าง และเราจะช่วยกันลดปัญหาที่น่ากังวลนี้ได้อย่างไรบ้าง
ไมโครพลาสติกคืออะไร?
ไมโครพลาสติก (Microplastics) คือ ชิ้นส่วนพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ซึ่งอาจมีขนาดเล็กไปจนถึงระดับนาโนเมตร (เล็กกว่า 1 ไมโครเมตร) โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ (Primary Microplastics): คือ ชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยตรงเพื่อใช้งานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เม็ดบีดส์ในเครื่องสำอาง สครับขัดผิว ยาสีฟัน หรือเส้นใยสังเคราะห์ในเสื้อผ้าที่หลุดออกมาขณะซัก
- ไมโครพลาสติกทุติยภูมิ (Secondary Microplastics): คือ ชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กที่เกิดจากการแตกสลายของพลาสติกชิ้นใหญ่ เช่น ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก ภาชนะบรรจุอาหาร หรือตาข่ายจับปลา ภายใต้ปัจจัยต่างๆ เช่น แสงแดด (รังสียูวี) คลื่นลม หรือการเสียดสี
ที่มาของไมโครพลาสติกจึงมีความหลากหลายและสามารถพบเจอได้ในทุกที่รอบตัวเรา ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป พลาสติกเหล่านี้ก็จะค่อยๆ แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นไมโครพลาสติก
ไมโครพลาสติกมาจากไหน?
ที่มาของไมโครพลาสติกนั้นมีหลากหลายช่องทางและสามารถแทรกซึมเข้าสู่สิ่งแวดล้อมได้หลายวิธี 🌍 โดยแหล่งกำเนิดหลัก ๆ ได้แก่:
- เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย 💄: ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น สครับขัดผิว ยาสีฟัน หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของเม็ดบีดส์ (microbeads) ซึ่งเป็นไมโครพลาสติกปฐมภูมิขนาดเล็ก เมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เม็ดบีดส์ก็จะไหลลงสู่ท่อระบายน้ำและลงสู่แหล่งน้ำในที่สุด
- การซักผ้า 🧺: เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ ไนลอน อะคริลิก เมื่อซัก เส้นใยพลาสติกขนาดเล็กจะหลุดออกมาและปนเปื้อนในน้ำทิ้ง ซึ่งระบบบำบัดน้ำเสียทั่วไปไม่สามารถกรองออกได้ทั้งหมด
- การแตกสลายของพลาสติกชิ้นใหญ่ 🗑️: นี่คือแหล่งกำเนิดหลักของไมโครพลาสติกทุติยภูมิ ขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งตามท้องถนน ชายหาด หรือในทะเล เมื่อโดนแสงแดด ลม และคลื่น จะค่อยๆ แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และในที่สุดก็กลายเป็นไมโครพลาสติก
- การขัดถูของยางรถยนต์ 🚗: การเสียดสีของยางรถยนต์กับพื้นผิวถนนทำให้เกิดอนุภาคยางขนาดเล็ก ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งและปนเปื้อนในอากาศและดิน
- อุตสาหกรรมและการก่อสร้าง 🏗️: เม็ดพลาสติก (nurdles) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติก เมื่อเกิดการรั่วไหลระหว่างการขนส่งหรือการผลิต ก็สามารถปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้ และยังรวมถึงอนุภาคพลาสติกจากวัสดุก่อสร้างบางชนิด
ผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต
ไมโครพลาสติกมีผลกระทบอย่างกว้างขวางและน่ากังวล เนื่องจากขนาดที่เล็กจิ๋วทำให้มันสามารถปนเปื้อนอยู่ในทุกระบบนิเวศ ตั้งแต่ในดิน ในแหล่งน้ำจืด ในมหาสมุทร ไปจนถึงในอากาศที่เราหายใจ
- ผลกระทบต่อสัตว์ทะเล 🐠: สัตว์ทะเล เช่น แพลงก์ตอน หอย ปลา และนกทะเล มักจะเข้าใจผิดว่าไมโครพลาสติกเป็นอาหาร เมื่อกินเข้าไป ไมโครพลาสติกจะไปอุดตันในระบบทางเดินอาหาร ทำให้สัตว์รู้สึกอิ่มและไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็น นำไปสู่การขาดสารอาหารและเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกยังสามารถดูดซับสารพิษอื่นๆ เช่น สารมลพิษตกค้าง (POPs) ทำให้เมื่อสัตว์กินเข้าไป ก็จะได้รับสารพิษเหล่านั้นด้วย
- ผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร 🍽️: เมื่อไมโครพลาสติกเข้าไปอยู่ในตัวสัตว์ที่อยู่ในระดับล่างของห่วงโซ่อาหาร สัตว์ที่อยู่ระดับสูงกว่าก็จะได้รับไมโครพลาสติกและสารพิษเหล่านั้นไปด้วย ( biomagnification ) ตัวอย่างเช่น เมื่อเรากินปลาหรืออาหารทะเล ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะได้รับไมโครพลาสติกและสารพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย
- ผลกระทบต่อมนุษย์ 🚶: งานวิจัยล่าสุดพบว่าไมโครพลาสติกสามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์ ทั้งในอุจจาระ เลือด และปอด ซึ่งยังคงมีการศึกษาถึงผลกระทบที่ชัดเจนต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่าไมโครพลาสติกอาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย หรือเป็นพาหะนำสารพิษที่ดูดซับมาเข้าสู่ร่างกายเราได้
- ผลกระทบต่อดินและอากาศ 💨: ไมโครพลาสติกไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในน้ำเท่านั้น แต่ยังพบในดินและอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในดิน พืช และเมื่อเราหายใจเอาอากาศที่มีไมโครพลาสติกปนเปื้อนเข้าไป ก็อาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจได้
แนวทางในการลดปัญหาไมโครพลาสติก
แม้ว่าปัญหาไมโครพลาสติกจะดูเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าจะแก้ไขได้ แต่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดปัญหานี้ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ♻️
- ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 🥤: นี่คือวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติก ขวดน้ำพลาสติก หลอดพลาสติก หรือภาชนะบรรจุอาหารพลาสติกที่ไม่จำเป็น และหันมาใช้ของที่สามารถใช้ซ้ำได้แทน เช่น ถุงผ้า ขวดน้ำแบบพกพา กล่องข้าว
- เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง 🧴: ตรวจสอบส่วนผสมของเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเม็ดบีดส์พลาสติก (มักจะระบุในชื่อส่วนผสมเช่น Polyethylene (PE), Polypropylene (PP), Polymethyl methacrylate (PMMA))
- ดูแลการซักผ้า 👕: ลองใช้ถุงซักผ้าชนิดพิเศษที่สามารถดักจับไมโครพลาสติกได้ หรือเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ฝ้าย ผ้าลินิน แทนการใช้เส้นใยสังเคราะห์
- การจัดการขยะที่ถูกต้อง 🚮: แยกขยะอย่างถูกวิธี และทิ้งขยะพลาสติกในถังขยะที่เหมาะสม เพื่อให้พลาสติกเหล่านั้นถูกนำไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ไม่หลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนนโยบายและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 💚: สนับสนุนบริษัทที่ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาขยะพลาสติก
บทสรุป
ไมโครพลาสติก คือภัยเงียบที่มองไม่เห็นแต่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร และกำลังย้อนกลับมาส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ที่มาของมันมีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงการแตกสลายของขยะพลาสติกชิ้นใหญ่
การแก้ปัญหาไมโครพลาสติกนั้นต้องเริ่มต้นจากทุกคน ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค การลดใช้พลาสติก ไปจนถึงการจัดการขยะอย่างถูกวิธี การตระหนักถึงปัญหานี้และลงมือทำอย่างจริงจังจะช่วยลดการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อม และปกป้องสุขภาพของเราและโลกใบนี้ไว้ได้ในระยะยาว
T
*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
- Thompson, R. C., et al. (2004). Lost at sea: where is all the plastic? Science, 304(5672), 838.
- Galloway, T. S. (2015). Micro- and nano-plastics and human health. Marine Pollution Bulletin, 96(1-2), 1-2.
- Koelmans, A. A., et al. (2019). The Plastic Planet: Microplastics in the Environment and Their Effects. Annual Review of Environment and Resources, 44(1), 1-25.
- European Food Safety Authority (EFSA). (2016). Presence of microplastics and nanoplastics in food, animal feed and drinking water. EFSA Journal.
- World Health Organization (WHO). (2019). Microplastics in drinking-water.
- กรมควบคุมมลพิษ. (2563). คู่มือการจัดการปัญหาขยะพลาสติก.
- สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2562). แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก.
- เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://unsplash.com/)









