กัญชา เป็นพืชที่ออกฤทธิ์ทางประสาท มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ซึ่งมีฤทธิ์ต่อสมอง ควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้เสพ ทำให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้า เมื่อเสพจะต้องการปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ความคิดอ่านช้า และสับสน ประสาทหลอน โดยเฉพาะการเสพกัญชาด้วยการสูบเพียง 4 มวน เท่ากับสูบบุหรี่ 20 มวน (1 ซอง) เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าสูบบุหรี่ถึง 5 เท่า “กัญชา” ถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.
ตำรับยาแผนไทย
ที่มาของตำรับยากัญชา จากตำรับยาแผนไทย 4 กลุ่ม ตำรับยากัญชา จากตำรับยาชาติ สู่การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ จากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 เมื่อประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อนุญาตให้ใช้ “กัญชา” เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้เผยแพร่ที่มาของ ตำรับยาไทยโบราณที่มีกัญชาผสม สู่การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน จากตำรับยาไทยกว่า 26,000 ตำรับ มีตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ 200 ตำรับ มีตำรับยาที่ผ่านการพิจราณา
การแพทย์แผนไทย องค์ความรู้ตั้งแต่สมัยโบราณแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ล้าหลังหรือน้อยหน้าไปกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน การใช้กัญชาเพื่อการรักษาทางการแพทย์แผนไทยมีมานาน เมื่อวันที่ 12 เม.ย.มีรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักวิชาการ มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด และนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ของประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 58 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พ.ศ.2562