ใบชา กำเนิด ชา เครื่องดื่มชา ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ชา เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากน้ำ ชาทำมาจากใบ ยอดอ่อน และก้านของต้นชา (Camellia sinensis) ซึ่งสามารถนำมาผ่านกรรมวิธีแปรรูปหลากหลายเพื่อให้ได้ชาที่แตกต่างกันออกไป ชามีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มเพื่อความรื่นรมย์อีกด้วย
ใบชา
ใบชา คือ ใบ ยอดอ่อน และก้านของต้นชา (Camellia sinensis) รวมถึงดอกไม้ ใบไม้ และพืชสมุนไพร นำมาผ่านกรรมวิธีแปรรูปหลากหลายขั้นตอน “ชา” ยังหมายรวมถึงเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมทำจากพืชตากแห้งชนิดต่าง ๆ นำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อน ชายังเป็นเครื่องดื่มที่มีผู้บริโภคมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากน้ำ
ส่วนประกอบของใบชา
ใบชาสดที่มาจากใบหรือยอดของต้นชา ประกอบด้วย เซลลูโลส ไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งมีปริมาณของแข็งรวมกันได้ 25 % โดยปริมาตรและมีสารที่ละลายน้ำได้ อันได้แก่ แทนนิน คาเฟอีน โปรตีน กัม (Gummy Matter) และน้ำตาลต่างๆ ละลายอยู่
- แทนนิน (Tannins) เป็นสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ชนิดหนึ่ง พบได้ในใบชา เปลือกไม้ และผลไม้ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาอู่หลง ชาขาว ชาเหลือง น้ำเต้าหู้ ชานมไข่มุก เป็นต้น แทนนินมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวานประเภทที่ 2
- คาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารกระตุ้นประสาทชนิดหนึ่ง พบได้ในกาแฟ ชา โกโก้ ถั่วพิสตาชิโอ และโกโก้ผง คาเฟอีนมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายตื่นตัว เพิ่มสมาธิ และความจำ
- โปรตีน (Protein) เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ โปรตีนในใบชามีปริมาณไม่มากนัก แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
- กัม (Gummy Matter) เป็นสารประกอบคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง พบได้ในใบชา เปลือกไม้ และผลไม้ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาอู่หลง ชาขาว ชาเหลือง น้ำเต้าหู้ ชานมไข่มุก เป็นต้น กัมมีคุณสมบัติช่วยดูดซับน้ำและพองตัว ช่วยให้ชามีรสชาติและกลิ่นหอมมากขึ้น
- น้ำตาล (Sugar) พบได้ในใบชา เปลือกไม้ และผลไม้ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาอู่หลง ชาขาว ชาเหลือง น้ำเต้าหู้ ชานมไข่มุก เป็นต้น น้ำตาลในใบชามีปริมาณไม่มากนัก แต่ก็มีรสชาติหวานเล็กน้อย
ประวัติต้นกำเนิดใบชา
ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชอบรสชาติที่หอมกรุ่นและสรรพคุณที่มีประโยชน์มากมายของชา ชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับการดื่มชานั้นปรากฏอยู่ในตำราโบราณของจีนที่เรียกว่า ชาชิง (Cha Ching) ซึ่งเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 170 ตำราชาชิงได้กล่าวถึงที่มาของชาว่า ชาถูกค้นพบโดยจักรพรรดิเสินหนิง (Shen Nung) จักรพรรดิองค์แรกของจีน ขณะกำลังต้มน้ำอยู่ใต้ต้นชา เมื่อสายลมพัดมาทำให้ใบชาตกลงไปในน้ำร้อน เกิดเป็นเครื่องดื่มรสขม จักรพรรดิเสินหนิงได้ลองดื่มดูแล้วรู้สึกสดชื่น จึงทรงนำชามาเผยแพร่ให้ชาวจีนได้ดื่มกัน
ชาได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในจีนอย่างรวดเร็ว ชาวจีนนิยมดื่มชาเพื่อสุขภาพและเพื่อพิธีกรรมทางศาสนา ชาเริ่มแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ในช่วงศตวรรษที่ 17 ชาเริ่มเป็นที่รู้จักในยุโรป เมื่อชาวดัตช์นำชาจากจีนมาขายในยุโรป และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ชนชั้นสูง
ในช่วงศตวรรษที่ 18 อังกฤษเริ่มนำเข้าชาจากจีนเป็นจำนวนมาก ชากลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของอังกฤษ และกลายเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นกลาง ในช่วงศตวรรษที่ 19 อังกฤษได้ขยายอาณานิคมไปทั่วโลก ทำให้ชาแพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
สายพันธุ์ของต้นชา
ต้นชามีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแพร่กระจายไปยังทวีปอื่นๆ ทั่วโลก ในปัจจุบันมีสายพันธุ์ของต้นชามากกว่า 300 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมนำมาทำชามากที่สุด คือ สายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส (Camellia sinensis var. sinensis) และสายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส อัสสัมมิกา (Camellia sinensis var. assamica)

ชา “แท้” ทุกประเภทล้วนมาจากพืชชนิดเดียวกัน ชา มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ของต้นชาคือ Camellia sinensis พืชชนิดนี้มีต้นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน และได้รับการปลูกฝังและบริโภคมาเป็นเวลาหลายร้อยปี สายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส (Camellia sinensis) มีสองสายพันธุ์หลัก:
- สายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส ไซเนนซิส (Camellia sinensis var. sinensis) ซึ่งเติบโตเป็นหลักในจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออก และมีลักษณะที่อ่อนโยนกว่าและกลมกล่อมกว่า
- สายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส อัสสัมมิกา (Camellia sinensis var. assamica) ซึ่งเติบโตในอินเดียเป็นหลักและโดยทั่วไปมีสุขภาพที่ดีกว่าและแข็งแกร่งกว่า
ชา สายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส (Camellia sinensis var. sinensis) หรือชาจีน
เป็นสายพันธุ์ชาที่พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชีย และจีน ชาสายพันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือ ใบมีขนาดเล็ก สีเขียวเข้ม ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ผิวใบเรียบ ต้นชามีความสูงประมาณ 2-6 เมตร ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นและอากาศแปรปรวน นิยมปลูกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชา Camellia sinensis var. sinensis สามารถนำไปทำชาได้หลายชนิด เช่น ชาเขียว ชาอู่หลง และชาดำ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการผลิต ชาเขียวเป็นชาที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด ทำให้ยังคงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ชาอู่หลงเป็นชาที่ผ่านการหมักในระดับปานกลาง ทำให้มีรสชาติและกลิ่นหอมเข้มข้น ส่วนชาดำเป็นชาที่ผ่านการหมักอย่างเต็มที่ ทำให้มีสีเข้มและรสชาติเข้มข้น
ชา Camellia sinensis var. sinensis มีต้นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นในประเทศจีนหรืออินเดีย ชาเริ่มแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลกในช่วงศตวรรษที่ 16-17 โดยชาวยุโรปที่เดินทางเข้ามาค้าขายในเอเชีย
ชา สายพันธุ์คาเมลเลีย ไซเนนซิส อัสสัมมิกา (Camellia sinensis var. assamica) หรือ ชาอัสสัม
เป็นสายพันธุ์ชาชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ชาอัสสัมเป็นชาที่มีใบใหญ่กว่าชาจีน ใบมีสีเขียวเข้ม ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ปลายใบแหลม ใบแผ่ การเรียงตัวของใบเป็นแบบสลับและเกลียว ต้นชาอัสสัมเจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
ชาอัสสัมเป็นชาที่นิยมปลูกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศบังกลาเทศ ประเทศศรีลังกา ประเทศไทย และประเทศเวียดนาม ชาอัสสัมนิยมนำไปแปรรูปเป็นชาดำ ชาผู่เอ๋อร์ และชาอู่หลง
การแปรรูปชา (การบ่มใบชา)
การแปรรูปชา หรือการบ่มใบชาเป็นกรรมวิธีในการเปลี่ยนสภาพใบไม้จากต้นชา Camellia sinensis ให้กลายเป็นใบชาแห้ง เพื่อการเก็บรักษาและเพื่อนำไปปรุงตามขั้นตอนการต้มเป็นน้ำชาต่อไป ชาสามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ตามกรรมวิธีการแปรรูปชา โดยทั่วไป การบ่มใบชาจะมีกระบวนการทำปฏิกิริยาเคมีของใบชากับออกซิเจน จากนั้น เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดลง ก็จะเป็นกระบวนการตากแห้ง รสชาเฉพาะตัวของชาจะถูกกำหนดโดยพันธุ์ของชาที่คัดมาเพาะปลูก, คุณภาพของใบชาที่เก็บเกี่ยวได้, และกรรมวิธีการแปรรูปและผลิตเป็นใบชาแห้ง หลังผ่านกระบวนการแปรรูปแล้ว ชาชนิดหนึ่งอาจถูกนำไปผสมกับชาชนิดอื่น หรือสารปรุงแต่งรสและกลิ่น เพื่อปรับเปลี่ยนรสชาติของชาในที่สุด
ชา มีกี่ประเภท
ชาสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ ตามกระบวนการของการแปรรูปชา การบ่ม หรือการหมัก (Oxidation) ดังนี้
- ชาขาว (White Tea) เป็นชาที่ผ่านการหมักน้อยที่สุด ใบชาจะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงที่ยังเป็นอ่อนๆ และอบให้แห้งเท่านั้น ทำให้ได้ชาที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และรสชาติสดชื่น
- ชาเขียว (Green Tea) เป็นชาที่ผ่านการหมักเพียงเล็กน้อย ใบชาจะถูกอบด้วยไอน้ำหรือนึ่งเพื่อหยุดกระบวนการหมัก ทำให้ได้ชาที่มีสีเขียวสดใสและรสชาติเข้มข้น
- ชาดำ (Black Tea) เป็นชาที่ผ่านการหมักอย่างเต็มที่ ใบชาจะถูกปล่อยให้หมักจนเป็นสีน้ำตาลแดง ทำให้ได้ชาที่มีสีเข้มและรสชาติเข้มข้น
- ชาอู่หลง (Oolong Tea) เป็นชาที่ผ่านการหมักในระดับกลาง ใบชาจะถูกอบหรือนึ่งและนำไปคั่วหรืออบควัน ทำให้ได้ชาที่มีสีน้ำตาลอ่อนและรสชาติหอมหวาน
ชาสมุนไพร (Herbal Tea) เป็นชาอีกประเภทหนึ่ง เป็นชาที่ผลิตจากใบ ดอกไม้ ผลไม้ และสมุนไพรชนิดต่างๆ นอกเหนือจากชา ที่ผลิตจากชาแท้ ชาสมุนไพรไม่มีคาเฟอีนเหมือนกับใบชาทั่วไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการดื่มคาเฟอีน
ตอบกลับ